เทคนิคการแต่งภาพ Photoshop 2 (DUO Tone)

หวัดดีครั้งนี้โจ้ เอาเทคนิคการแต่งภาพ DUO Tone มาให้ดูกันนะครับ เพราะคิดว่าเป็นภาพที่น่าสนใจ เพราะTips วิธีนี้สามารถนำไปยุกต์กับ การใช้เครื่องมือต่างๆ ใหเกิดการสร้างสรรค์ได้อีก นะครับ





Photoshop Tips : การทำภาพสี Duo Tone





Step1. เปิดภาพทีี่ต้องการแต่งแล้ว คลิกขวาที่ title bar ของรูปภาพแล้ว เลือก Duplicate...



Step 2. คลิกเลือก เมนู Image >> Mode Grayscale >> ภาพก็จะเปลี่ยนเป็น สีขาวดำ



Step 3. หลังจากนั้นเลือก Duotone



Step 4. เลือกสี Duotone ตามภาพ (สีไม่จำเป็นต้องเหมือนภาพก็ได้นะครับ ขึ้นอยู่กับความชอบและภาพครับ


Step 5. เลือก Layer ที่ทำ Duotone แล้ว ทำการปรับ Opacity ลดค่าตามความเหมาะสม

เสร็จสิ้น วิธีการทำ Duo tone นะครับ

ที่มา : http://www.pixnice.com/


เทคนิคการแต่งภาพ Photoshop (Sunshine วิธีสร้างแสงสาด จากพระอาทิตย์)

เนื่องจากเราได้รู้เทคนิคการถ่ายภาพมาหลายอย่างแล้ว โจ้เลยคิดว่าเราน่าจะได้รู้เทคนิคการแต่งภาพต่าง ๆ บ้าง เลยน้ำเทคนิคการแต่งภาพโดย Program Photoshop มาให้เพื่อน ๆ ได้รู้บ้างเผื่อว่าเวลาเราว่าง ๆ อาจจะนำภาพที่เราถ่ายมาแต่งเติมให้ดูมีดี มีสไตล์ มากกว่าเดิม อย่างเช่นเทคนิคนี้ครับ



Sunshine วิธีสร้างแสงสาด จากพระอาทิตย์ :


ภาพตัวอย่าง



step 1. สร้างไฟล์ขึ้นมาหนึ่งไฟล์ แล้วคลิกเลือก Brush Tool


Step 2. เลือก หัว Brush Tool ตามรูป การเลือก หัว Brush ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของงานที่ต้องการนะครับ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นหัว Brush แบบผม




Step 3. เลือกสีขาว แล้ววาดหัวแปรง ตามรูป (Tip กด Shift ค้างในการวาดเส้นแบบเส้นตรง )




Step 4. กด Ctrl + T เพื่อปรับขนาด ลายเส้นที่วาดไป ตามรูป


Step 5. ปรับตามความเหมาะสมตามรูป



Step 6. คลิก Mask Layer ให้กับ แสงที่ได้วาดไป (Layer "light" คือ Layer ที่วาดแสงนะครับ) ตามรุป



Step 7. เลือก Gradient Tool เพื่อนำมาใช้กับ Mask Layer



Step 8. เลือกแบบ ไล่สีขาวดำ นะครับ ตามรูป


Step 9. นำ Gradient Tool มาวาดที่ ส่วนของแสงที่วาดไว้ จุดประสงค์คือ เพื่อต้องการให้ไล่โทนแสงของ Brush ที่วาดไว้



Step 10. จากรูป คือได้ทำการวาด Gradient Tool เรียบร้อยแล้ว


Step 11. หลังจากนั้น กด Ctrl + T อีกครั้ง เพื่อ Rotate รูปภาพ ตามรูป. แล้วลดค่า Opacity ของ Layer เพื่อให้ภาพเิกิดการโปร่งแสง และสมจริง ยิ่งขึ้น การกำหนดค่าขึ้นอยู่กับความเหมาะสม

พื้นฐานการจัดองค์ประกอบภาพถ่ายและเทคนิค ตอนที่ 3

ตอนที่ 3 เป็นเรื่องของการน้ำเส้นมาประกอบในภาพถ่าย ใช้เส้นในภาพยังไง เส้นแบบไหนให้ความหมายยังไง ซึ่งก็ยังคงเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในช่างภาพสมัครเล่นและอาชีพสรุปง่ายๆ ที่ผมเอามาเขียน ก้อเป็นเทคนิคที่ฮิตๆ ทั้งนั้น


LINE (เส้น) LINE เส้นเป็นสิ่งที่เชื่อมระหว่างจุด 2 จุด เส้นทุกเส้นมีความหมายและสามารถแสดงอารมณ์ในตัวเอง เส้นตรงแนวนอน แสดงถึงความนิ่ง สงบ

เส้นตรงแนวนอน


เส้นแนวตั้ง – ให้ความรู้สึกหยุดนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหว ยืนหยัด เข้มแข็ง สง่าผ่าเผยและมั่นคง


เส้นแนวตั้ง



เส้นแนวทะแยง – แสดงถึงอันตราย เคลื่อนไหว อารมณ์เส้นแนวทะแยง #1


เส้นแนวทะแยง #2



เส้นซิกแซก – แสดงถึงการเปลี่ยนทิศอย่างรวดเร็ว ฉับพลัน การกระทำที่รุนแรง(ภาพนี้ถ่ายด้วยเทคนิค Second-curtain sync )


เส้นซิกแซก(ภาพนี้ถ่ายด้วยเทคนิค Second-curtain sync )



เส้นซิกแซก(ภาพนี้ถ่ายด้วยเทคนิค Stroboscopic flash)โดยเทคนิคนี้ผมเขียนไว้แล้วที่นี่


เส้นโค้ง – แสดงให้เห็นถึงความงดงาม อ่อนช้อยเส้นโค้ง #1


เส้นโค้ง #2


เส้นโค้ง #3


เส้นโค้ง #4


ขอขอบคุณบทความ : http://duang.multiply.com/

พื้นฐานการจัดองค์ประกอบภาพถ่ายและเทคนิค ตอนที่ 2

ตอนที่ 2 นี้ ผมได้รวมเอาเทคนิคการถ่ายภาพให้น่าสนใจ โดยเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในช่างภาพสมัครเล่นและอาชีพ

LAYERS
หากคุณชอบถ่ายวิวทิวทัศน์หรือภูเขา ควรใช้เทคนิคการใช้ Layer มาเป็นตัวแบ่งสัดส่วนภาพเป็นชั้นๆ เพื่อให้เกิดภาพลักษณะที่มีมิติลึก

โดยชั้นแรกเลือกใช้ฉากหน้า (Foreground) ให้เลือกบริเวณที่อยู่ใกล้ตัวเรา และชั้นถัดไปคือบริเวณตรงกลาง(Center) เลือกพื้นที่ที่ไกลออกไปมากกว่าฉากหน้า ส่วนฉากหลัง (Background) ก็เลือกบริเวณที่ไกลที่สุดในภาพ

LAYERS


FRAMING (เฟรม)เฟรมเป็นเทคนิคการสร้างกรอบให้กับจุดสนใจในภาพโดยเลือกการใช้มุมกล้อง เฟรมจะช่วยบังคับสายตาของผู้ชมภาพให้มองไปที่จุดสนใจของภาพที่เราต้องนำเสนอ โดยที่กรอบจะอยู่ด้านหน้าหรือหลังจุดสนใจก็ได้ แต่จะต้องไม่บังตำแหน่งของจุดสนใจ

เฟรมที่เกิดจากธรรมชาติ


เฟรมที่มนุษย์สร้างขึ้น


REFLECTIONS/MIRRORS(ภาพเงาสะท้อน/ภาพกระจกสะท้อน)
ภาพเงาสะท้อนเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจลงไปในภาพด้วยการสะท้อนของพื้นผิวหรือแหล่งน้ำ ซึ่งเทคนิคนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก



ขอจบบทความตอนที่ 2 เท่านี้ครับ

พื้นฐานการจัดองค์ประกอบภาพถ่ายและเทคนิค ตอนที่ 1

ปีทาโกรัส : Pythagorasปีทาโกรัส เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของนักคณิตศาสตร์ผู้คิดค้นสูตรคูณ หรือตารางปีทาโกเรียน (Pythagorean Table)และทฤษฎีบทในเรขาคณิตที่ว่า "ในรูปสามเหลี่ยมมุมฉากใด ๆ กำลังสองของความยาวของด้านตรงข้ามมุมฉาก เท่ากับผลบวกของกำลังสองของความยาวของด้านประกอบมุมฉาก" และนักคณิตศาสตร์ชาวกรีกได้ประยุกต์เอาทฤษฎีของปีทาโกรัสมาประยุกต์ใช้ทางด้านสถาปัตยกรรมและทางด้านศิลปะ เป็นสูตรสำเร็จแห่งความสวยงามและลงตัวในทฤษฎีที่เรียกว่า Golden mean ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้เป็นที่ยอมรับ และใช้กันมาจนปัจจุบันนี้

THE GOLDEN MEAN
เวลาถ่ายภาพสิ่งหนึ่งที่เราภาพพยายามทำก็คือ การทำให้ภาพนั้นมีความน่าสนใจและเทคนิคง่ายๆ ในหัวข้อแรกที่เราควรรู้ก็คือ “การจัดองค์ประกอบ” เรามาดูทฤษฎีแรกกัน..

การจัดองค์ประกอบแบบ golden meangolden mean
คือสัดส่วน (ratio) 1:1.6180339.. ซึ่งดูเหมือนกับอัตราส่วนของระบบฟิลม์ 35 มม. (24x36มม. = 5:7.5) สูตรเรขาคณิตนี้ ถูกคิดให้สอดคล้องกับ golden mean โดยเป็นหลักแนวทางสำหรับศิลปินมากมาย และเป็นแนวทางสำหรับช่างภาพสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี

Golden Spiral แบ่งภาพทีละ 1:1.618 ของด้านยาว แล้วลากจุดตัด เป็นเส้นโค้ง
Golden Triangle แบ่งเป็นสามเหลี่ยม 3 อัน (แบ่งโดยใช้อัตราส่วน 1:1.618 )
RULE OF THE THIRDS (กฏสามส่วน)การถ่ายภาพโดยวางวัตถุอยู่ตรงกึ่งกลางภาพจะทำให้ภาพดูน่าเบื่อ ดังนั้นเราจึงนำแนวคิดของกฏสามส่วนมาใช้จัดวางองค์ประกอบภาพ เพื่อทำให้ภาพถ่ายดูน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งกฏสามส่วน ก็ถูกนำเอามาจาก golden mean ซึ่งเป็นทฤษฎีพื้นฐานดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น
ตัวอย่างการใช้กฏสามส่วน แบ่งสัดส่วนพื้นที่ 1:3 และ 2:3 ของขนาดภาพตัวอย่างการใช้ กฏสามส่วน โดยนำจุดสนใจของภาพไปวางบริเวณจุดตัดภาพนี้จุด


สนใจของภาพคือบริเวณดวงตาและใบหน้าดังนั้นจะถือว่าเป็นจุดสนใจของภาพ
ตัวอย่าง Golden Triangle

ตัวอย่าง Golden Spiral ถ่ายภาพครั้งหน้าลองนำทฤษฎีด้านบนไปลองใช้ดูนะครับ

ที่มา : http://gotoknow.org/blog/ko1760mm/96419